คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส ไม่สามารถช่วยนำ ยูเวนตุส ผ่าวิกฤติไปได้แม้ว่าเกมนี้จะซัด 2 ประตูก็ตาม แต่สุดท้ายทำได้เพียงแค่ชนะ โอลิมปิก ลียง 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยด้วยสกอร์รวมสองนัดเสมอ 2-2 แต่ต้องตกรอบจากกฎประตูทีมเยือน
เกมนี้ เมมฟิส เดอปาย ซัดจุดโทษให้ผู้มาเยือนขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 12 ก่อนที่ โรนัลโด้ จะซัดจุดโทษคืนในช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก จากนั้นในครึ่งหลัง “ซีอาร์ 7” ตะบันประตูสุดงามช่วยให้ทีมขึ้นนำ 2-1 แต่ก็ไม่ทัน จบเกมชนะไปด้วยสกอร์นี้ แต่ต้องโบกมือลาศึกถ้วยใบโตยุโรป จากกฎอะเวย์โกล
1. อาการบาดเจ็บ ดิบาล่า ส่งผลเสียหายต่อ ยูเวนตุส
แมตช์ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือชาวอิตาเลียนทำให้หลายคนต้องฉงนเมื่อดร็อป เปาโล ดิบาล่า ซึ่งได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ของศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ประจำฤดูกาล 2019/20 จากการลงเล่น 11 ตัวจริง ในแมตช์ที่ทีมจำเป็นต้องยิงประตูให้ได้เยอะๆ เพื่อพลิกสถานการณ์เข้ารอบ
ฟอร์มของ ดีบาล่า ต้องยอมรับว่าสุดยอดมากๆ เมื่อเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจำนวน 25 ประตูของทีมจากการลงสนาม 53 แมตช์ พร้อมกับซัดไป 11 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในเกมลีกเมืองมะกะโรนี 33 นัด แต่เหตุผลที่ ซาร์รี่ ไม่ส่งเขาลงสนามตั้งแต่ต้นเกมเนื่องจากนักเตะมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาตึง
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ซาร์รี่ เลือกที่จะเก็บ ดีบาล่า เอาไว้ เพื่อหวังจะใช้งานในยามฉุกเฉิน โดยในช่วง 20 นาทีสุดท้ายซึ่ง ยูเว่ นำ 2-1 พวกเขาจำเป็นต้องยิงประตูเพิ่มให้ได้ และนั่นจึงทำให้ต้องส่ง ดิบาล่า ลงสนาม แต่กลายเป็นว่ายิ่งโชคร้ายเมื่อนักเตะชาวอาร์เจนไตน์ เล่นไปได้แค่ 13 นาทีก็ได้รับบาดเจ็บซ้ำที่จุดเดิม และต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปอย่างน่าเสียดาย
2. โรนัลโด้ เก่งแค่ไหนก็ช่วยไม่ไหว
ไม่มีนักเตะคนไหนในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังที่จะยิงประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากเท่ากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกแล้ว ฉะนั้นต้องบอกว่านี่คือรายการของเขา และไม่มีนักเตะคนไหนสามารถที่จะก้าวขึ้นมาชิงชัยได้เลยจริงๆ
ในแมตช์นี้ โรนัลโด้ ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอีกครั้งในการที่จะต้องนำพา “ม้าลาย” ผ่าวิกฤติเพื่อเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศให้ได้ โดยในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ เรอัล มาดริด “ซีอาร์ 7” เคยมีประสบการณ์ในการระเบิดฟอร์มนำทีมพลิกนรกได้หลายๆ ครั้ง
เกมนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเมื่อทีมโดน โอลิมปิก ลียง ยิงประตูนำไปก่อนจากจังหวะจุดโทษของ เมมฟิส เดอปาย ตั้งแต่นาทีที่ 12 อย่างไรก็ตาม “โด้” ซัดจุดโทษตีเสมอในช่วงก่อนหมดเวลาสองนาที ฉะนั้นครึ่งหลังพวกเขาต้องพยายามยิงประตูให้ได้ เพราะทีมดันเสียอะเวย์โกล
งานนี้ โรนัลโด้ ยังคงระเบิดฟอร์มสุดยอดเมื่อซัดประตูสุดสวยด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งราวกับจรวดเข้าไปซุกก้นตาข่ายทำให้ทีมมีความหวังขึ้นมาทันที และขอแค่อีก 1 ประตูก็จะเพียงพอให้พวกเขาทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่งานนี้ต้องบอกว่า โรนัลโด้ คนเดียวไม่เพียงพอ เพราะผู้เล่นที่ 10 คนที่เหลืออยู่ไม่สามารถช่วยกู้สถานการณ์ได้ สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องยากที่จะคัมแบ็ค
3. อุสเซม อาอูอาร์ ฟอร์มแรงเหลือเกิน
ตอนนี้บรรดาแมวมองของหลายๆ สโมสรคงเนื้อเต้นสุดๆ กับผลงานของ อุสเซม อาอูอาร์ หลังจากที่นักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเหลือเกินในเกมนี้ ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยหากในช่วงซัมเมอร์จะมีข้อเสนอยื่นมาให้พิจารณา
โดยเฉพาะ อาร์เซน่อล ที่มีข่าวกับ ดาวเตะวัย 22 ปี มาตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และงานนี้พวกเขาคงต้องเร่งเครื่องเต็มสูบเพื่อจะคว้า อาอูอาร์ มาร่วมทัพให้ได้ เนื่องจากฟอร์มการเล่นในเกมกับ ยูเวนตุส มันช่างเด็ดดวงโดนใจเหลือเกิน เพราะเขาสามารถปั่นป่วนเกมรับของ ยูเว่ ได้ตลอดทั้งเกม
อาอูอาร์ ช่วยสร้างสรรค์เกมรุกให้ ลียง ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะการทำหน้าที่คอยปั่นป่วนบริเวณพื้นที่สุดท้าย นอกจากนี้เจ้าตัวยังมักจะวิ่งทะลุทะลวงเข้าไปในกรอบเขตโทษ และทำให้ โรดริโก้ เบนตันกูร์ จำเป็นต้องทำฟาวลน์จนต้องเสียจุดโทษ
นอกจากนี้ อาอูอาร์ สร้างผลงานสุดยอดด้วยการผ่านบอลถึง 86.7 เปอร์เซ็นต์, ช่วยทีมได้จุดโทษ, เรียกฟาวล์ได้ 3 ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 5 ครั้ง ฉะนั้นผลงานแบบนี้ไม่ใช่แค่ อาร์เซน่อล ที่สนใจ แต่งานนี้ยักษ์ใหญ่ในลีกยุโรป คงตาลุกวาวเลยทีเดียว
4. แท็คติกของ รูดี้ การ์เซีย ชนะ ซาร์รี่
ตอนที่ รูดี้ การ์เซีย อำลา อาแอส โรม่า หลายคนมองว่าอนาคตของเขาคงจะจบลงแล้ว โดยหลังจากนั้นเขามีโอกาสได้กุมบังเหียน โอลิมปิก มาร์กเซย แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จและชะตากรรมก็เหมือนกับตอนที่รับหน้าที่คุมทัพ “หมาป่าเหลืองแดง” ก่อนที่ ลียง จะลองเสี่ยงใช้งาน และกลายเป็นการมาถูกที่ถูกเวลาของเจ้าตัวจริงๆ
แม้ว่าผลงานในลีก เอิง จะไม่ค่อยสู้ดีนัก และทีมจบที่อันดับ 7 บนตารางคะแนนก็ตาม แต่การที่สามารถนำ “โอแอล” ปราบหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ในทวีปยุโรป พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ในฤดูกาลนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่สุดยอดมากๆ สำหรับ การ์เซีย
หากมองจากสถิติทีมของรูดี้ การ์เซีย อาจเป็นรองเนื่องจากครองเกมได้แค่ 37.7 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่าเขาวางหมากมาอย่างรัดกุมโดยพยายามเน้นการเล่นเกมรับให้แข็งแกร่งซึ่งก็เป็นไปได้ตามแท็คติก เนื่องจากทีมถือครองความได้เปรียบจากชัยชนะ 1-0 ในเกมแรก และยังมายิงประตูได้ในบ้านของ ยูเว่ ทำให้ได้อะเวย์โกลอีกต่างหาก
ฉะนั้น การ์เซีย มองแล้วว่าทีมไม่จำเป็นต้องเดินเกมรุก แต่ก็ไม่ได้ตั้งรับเพื่อรอถูกยิงประตู เพราะเขาเลือกที่จะให้ทีมเล่นแบบรัดกุมและรอจังหวะสวนกลับเร็ว ไม่จำเป็นต้องแลกหมัดสู้ และพยายามที่จะเล่นช้าๆ ซึ่งวิธีการนี้ทำให้ ยูเวนตุส ไม่สามารถเปิดเกมบุกเต็มสูบ