สิ้นสุดการรอคอย หงส์แดง ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2019-2020

ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ ลีก

แชมป์ที่เหล่าสาวกหงส์แดงรอคอยมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี ทำให้สโมสร ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 19 ได้สำเร็จหลังคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงแข่งขันเมื่อคืนนี้พลาดท่า เสียที บุกเยือนถิ่นสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี พ่าย 2-1 ทำให้ยกถ้วยพรีเมียร์ลีกให้ลิเวอร์พูลไปอย่างเป็นทางการ โดยคะแนนที่ห่างกันถึง 23 คะแนน แม้จะมีโปรแกรมที่ลงแข่งขันเหลืออีก 7 นัดก็ตาม

โปรแกรมแข่งขันนัดต่อไป

วันที่ 3 กรกฎาคม 2563

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (แชมป์เก่า) เวลา 02.15 น. ลิเวอร์พูล (แชมป์ใหม่)

WE’RE PREMIER LEAGUE CHAMPIONS!! 🏆

WE’RE PREMIER LEAGUE CHAMPIONS
https://twitter.com/LFC
อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก วันที่ 26 มิ.ย. 2563

ดิวิชั่น 1 : แชมป์ลีกสูงสุด ประเทศอังกฤษ

(เดิมลีกสุงสุดของอังกฤษมีชื่อว่า ดิวิชั่น 1 ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก ปี 1992 หรือ พ.ศ. 2535)

  • 1900–01
  • 1905–06
  • 1921–22
  • 1922–23
  • 1946–47
  • 1963–64
  • 1965–66
  • 1972–73
  • 1975–76
  • 1976–77
  • 1978–79
  • 1979–80
  • 1981–82
  • 1982–83
  • 1983–84
  • 1985–86
  • 1987–88
  • 1989–90

พรีเมียร์ลีก : แชมป์ลีกสูงสุด ประเทศอังกฤษ

(เดิมลีกสุงสุดของอังกฤษมีชื่อว่า ดิวิชั่น 1 ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก ปี 1992 หรือ พ.ศ. 2535)

อาร์เซนอล แซงดับ เชลซี 10 คน 2-1 ผงาดแชมป์เอฟเอคัพ สมัย 14

“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล โชว์ฟอร์มสุดแจ่มแซงเอาชนะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ไป 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองเป็นสมัยที่ 14

การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 นัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 1 ส.ค. 63 ที่สนามเวมบลีย์ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล อดีตแชมป์ 13 สมัย พบกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี อดีตแชมป์ 8 สมัย

เกมนี้ มิเกล อาร์เตตา กุนซืออาร์เซนอล ส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำมาโดย นิโคลัส เปเป, อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์ และ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ขณะที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ของเชลซี ไม่เสี่ยงส่ง เอ็นโกโล ก็องเต ลงเป็นตัวจริง แม้กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้วก็ตาม ส่วนแนวรุกมี คริสเตียน พูลิซิช, เมสัน เมาท์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นทีเด็ด

เปิดฉากครึ่งแรกมาแค่ 5 นาที เชลซี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิช กระชากบอลขึ้นมาก่อนจ่ายทะลุเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เมสัน เมาท์ เปิดเข้ากลาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ตอกส้นกลับมาให้ พูลิซิช ที่เติมขึ้นมาลากไปยิงตุงตาข่าย

จากนั้นนาทีที่ 28 อาร์เซนอล ได้จุดโทษ เมื่อ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง โดน เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา ทำฟาวล์ โดยวีเออาร์เช็กและยืนยันเป็นจุดโทษ ก่อนที่ โอบาเมยอง จะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด พาปืนใหญ่ตีเสมอเป็น 1-1

จบครึ่งแรก อาร์เซนอล ยังเสมอ เชลซี อยู่ 1-1

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 49 เชลซีได้รับข่าวร้าย เมื่อ คริสเตียน พูลิซิช แนวรุกคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงมาแทน

จากนั้นนาทีที่ 68 อาร์เซนอล ได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ นิโคลัส เปเป จ่ายบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง แตะบอลหลบ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ แล้วยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น

ถึงนาทีที่ 73 สถานกาณณ์ของ เชลซี แย่ลงไปอีกเมื่อ มัตเตโอ โควาซิช ที่มีใบเหลืองติดตัวมาก่อนหน้านี้ ไปทำฟาวล์หนักใส่ กรานิต ชากา ผู้ตัดสินไม่รอช้าควักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม อาร์เซนอล ชนะ เชลซี 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองเป็นสมัยที่ 14

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม

อาร์เซนอล: เอมิเลียโน มาร์ติเนซ (GK), ร็อบ โฮลดิง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นีย์, เฮคตอร์ เบเยริน, กรานิต ชากา, ดานี เซบายอส, เอนสลีย์ เมตแลนด์ ไนส์, นิโคลัส เปเป, อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์ และ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง

เชลซี: วิลลี กาบาเยโร (GK), รีซ เจมส์, เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, เคิร์ต ซูมา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, มาร์กอส อลอนโซ, จอร์จินโญ, มัตเตโอ โควาซิช, เมสัน เมาท์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ คริสเตียน พูลิซิช.

ข่าวสโมสรฟุตบอลเชลซี ข่าวฟุตบอล

อาร์เซนอล แซงดับ เชลซี 10 คน 2-1 ผงาดแชมป์เอฟเอคัพ สมัย 14

ย้อนสถิติที่น่าสนใจ “สิงห์-ปืน” หลังเกมชิงดำเอฟเอ คัพ

ย้อนสถิติที่น่าสนใจหลังเกมเอฟเอ คัพ 2019-20 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทั้ง “เชลซี” และ “อาร์เซนอล” ต่างมีสถิติที่น่าสนใจให้พูดถึงอยู่หลายประเด็น

วันที่ 2 ส.ค.63 สำหรับเกมนัดชิงดำ เอฟเอ คัพ อาร์เซนอล ไล่พลิกแซงเอาชนะ เชลซี ที่เหลือ 10 คนไปอย่างหวุดหวิด 2-1 มีสถิติเกิดขึ้นมากมายจากทั้งสองทีม

อาร์เซนอล

– อาร์เซนอล คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 14 สมัย

– มิเกล อาร์เตตา เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ทั้งในฐานะกัปตันทีมและผู้จัดการทีม

– มิเกล อาร์เตตา เป็นผู้จัดการทีมอาร์เซนอลคนแรกในรอบกว่า 34 ปี ที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ในปีแรกที่คุมทีม หลังจาก จอร์จ เกรแฮม ซึ่งเคยทำได้เมื่อซีซั่น 1986-87

– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กลายเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดอันดับ 2 ของอาร์เซนอล ที่ทำประตูได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศ (31 ปี 44 วัน) ต่อจาก บ็อบ จอห์น (33 ปี 80 วัน) ซึ่งทำไว้เมื่อปี 1932

– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง เป็นผู้เล่นชาวแอฟริกันคนแรก ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ในเกมนัดชิงชนะเลิศ

เชลซี

– คริสเตียน พูลิซิช กลายเป็นนักเตะอเมริกันคนแรก ที่ทำประตูได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

– คริสเตียน พูลิซิช เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดคนแรกในรอบ 16 ปี ที่ทำประตูได้ในเกมนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ ด้วยอายุ 21 ปี กับ 318 วัน

– มาเตโอ โควาซิช กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ ที่ถูกไล่ออกในเกมนัดชิงชนะเลิศ

– วิลลี กาบาเยโร กลายเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดของเชลซี ที่ได้ลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศ (38 ปี 308 วัน).

ย้อนสถิติที่น่าสนใจ “สิงห์-ปืน” หลังเกมชิงดำเอฟเอ คัพ

แลมพาร์ด บ่นอุบ พรีเมียร์ลีกซีซั่นหน้าออกสตาร์ตเร็วเกินไป

กุนซือสิงห์บลูชี้ โปรแกรมการแข่งขันพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2020-21 ไม่แฟร์กับทีมตัวเอง เนื่องจากอาจทำให้นักเตะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้ง่าย

วันที่ 3 ส.ค.63 สำหรับ เชลซี แม้จะเสร็จสิ้นการแข่งขันในเกมพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ ไปแล้ว แต่ยังเหลือโปรแกรมอีกหนึ่งรายการ คือศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง ซึ่งจะพบกับ บาเยิร์น มิวนิก ในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม หากเชลซีตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีโอกาสได้พัก 35 วัน แต่หากทะลุเข้าถึงชอบชิงชนะเลิศ จะมีเวลาได้พักเบรกซีซั่นเพียงแค่ 20 วันเท่านั้น ก่อนที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 12 กันยายนนี้

ทำให้ล่าสุด แลมพาร์ด ออกมาเปิดใจถึงประเด็นดังกล่าวว่า “ผมคิดว่าพรีเมียร์ลีก ควรคำนึงถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง หวังว่าพวกเขาจะให้เราเริ่มต้นฤดูกาลใหม่แบบแฟร์ๆ นะ เพราะเราสมควรได้แบบนั้น ในฐานะที่เป็นทีมจากพรีเมียร์ลีก ซึ่งต้องลงแข่งขันในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก”

ข่าวสโมสรฟุตบอลเชลซี

นัดสำคัญ สื่อดังคาด 11 ตัวจริง แมนยูฯ เกมปะทะ เวสต์แฮมฯ

สื่อดังคาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมเปิดบ้านปะทะเดือด เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนนี้

ความเคลื่อนไหวศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันพุธที่ 22 ก.ค. 63 มีแข่ง 2 คู่ คู่ที่น่าสนใจ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 5 ของตาราง จะเปิดสนามโอลด์ แทรฟเฟิร์ด รับการมาเยือนของ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อันดับ 16 ของตาราง เริ่มแข่งเวลา 00.00 น.

ล่าสุด อีฟนิง สแตนดาร์ด สื่อดังของอังกฤษ ออกมาคาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริงที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมปิศาจแดง จะส่งลงสนามในนัดสุดสำคัญเพื่อล่าตัวยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยคาดว่า ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายตัวเก่ง ที่เจ็บข้อเท้ามาจากเกมเสมอเซาแธมป์ตัน เมื่อวันที่ 13 ก.ค. น่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง แต่ถ้าไม่ไหว ทิโมธี โฟซู เมนซาห์ หรือ แบรนดอน วิลเลียมส์ ก็จะลงเล่นแทน ส่วน เอริก ไบญี ที่หัวโขกกับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ในรอบรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ ก็ไม่น่าจะลงได้ไหว ขณะที่สตาร์ดังรายอื่นๆ พร้อมลุยทั้งหมด

คาด 11 ตัวจริง แมนยูฯ เกมปะทะ เวสต์แฮม

ดาบิด เดเคอา (GK), ลุค ชอว์, แฮร์รี แม็คไกวร์, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, อารอน วาน-บิสซากา, พอล ป็อกบา, เนมันยา มาติช, บรูโน เฟอร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวูด และ อองโตนี มาร์เชียล

ข่าวสโมสรฟุตบอลเชลซี

ข่าวฟุตบอล

เปิดเงื่อนไข แมนยูฯ-เลสเตอร์ อาจต้องเพลย์ออฟแย่งตั๋ว ชปล.

สื่ออังกฤษเปิดเงื่อนไขที่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ อาจต้องเล่นเพลย์ออฟแย่งคว้าตั๋วยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

วันที่ 22 ก.ค. 63 เดอะ ซัน สื่อดังของอังกฤษ วิเคราะห์เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้จะยากสุดๆ ก็ตามที นั่นก็คือ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ อาจต้องแข่งขันนัดเพลย์ออฟเพื่อชิงตั๋วยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ถ้าจบนัดสุดท้ายแล้วคะแนนเท่ากัน ประตูได้เท่ากัน และประตูเสียเท่ากัน

ปัจจุบัน เลสเตอร์ อยู่อันดับ 4 ของตาราง ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 5 ของตาราง อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่ระบุไว้ด้านบนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในนัดต่อไป ด้วยสกอร์ 5-3 เท่านั้นในวันพุธนี้ และนัดสุดท้าย เลสเตอร์ ซิตี้ จะต้องชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 1-0 เท่านั้น ส่วน เชลซี จะต้องซิวเพิ่มอย่างน้อย 3 คะแนนจาก 2 นัดสุดท้าย

และถ้าเป็นไปตามนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เลสเตอร์ จะปิดฉากซีซั่นด้วยการมี 65 คะแนนเท่ากันเป๊ะ แถมประตูได้เสียยังเท่ากันที่ +29 โดยยิงได้ 68 ประตูเท่ากัน และเสีย 39 ประตูเท่ากัน ส่วน เฮดทูเฮด ก็ใช้วัดอะไรไม่ได้เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ มาในนัดแรกที่เจอกัน 1-0 ทำให้ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ จะต้องมีการเล่นเพลย์ออฟชิงตั๋ว UCL เกิดขึ้น

โคล หล่นทรรศนะหลังเกม เชลซี ถลุง แมนยูฯ ลิ่วรอบชิง “เอฟเอ คัพ”

“แอชลีย์ โคล” อดีตแบ็กซ้ายนักรักของ “เชลซี” ยอดทีมแดนผู้ดี ออกมาหล่นทรรศนะหลังเกมที่อดีตทีมเก่าของเขาจัดการถลุง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” 3-1 ลิ่วรอบชิง “เอฟเอ คัพ”

วันที่ 21 ก.ค. 63 แอชลีย์ โคล อดีตแบ็กซ้ายของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี  ออกมาหล่นทรรศนะหลังเกม ที่อดีตสโมสรต้นสังกัดเก่าของเขาเอาชนะ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ส่งผลให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในศึก เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ

ซึ่งทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ 3 ประตูจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาทีที่ 45+11, เมสัน เมาท์ นาทีที่ 46 และ แฮร์รี แม็คไกวร์ นาทีที่ 74 (Og.) ส่วนทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ได้คืนเพียงประตูเดียวจากการยิงจุดโทษของ บรูโน เฟอร์นันเดส นาทีที่ 85 ของเกมการแข่งขัน

ล่าสุด แอชลีย์ โคล ออกมากล่าวว่า “ผมคิดว่านักเตะของ เชลซี ทำงานหนักกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในทุกๆ พื้นที่ของสนาม พวกเขากดดันอย่างหนัก และผมคิดว่า เมสัน เมาท์ เป็นคนที่โดดเด่นมากๆ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนี้ และสามารถทำประตูที่สองให้กับทีมได้ แน่นอนว่าจังหวะดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้กับ ดาบิด เด เคอา ที่ไม่สามารถป้องกันจังหวะนี้ได้”

สำหรับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี จะทำศึกลอนดอนดาร์บี้ ในนัดชิง เอฟเอ คัพ ที่จะลงสนามพบกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่สนามเวมบลีย์ ในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมนี้

โคล หล่นทรรศนะหลังเกม เชลซี ถลุง แมนยูฯ ลิ่วรอบชิง “เอฟเอ คัพ”

ข่าวสโมสรฟุตบอลเชลซี

ใกล้ปิดดีล “ฮาเวิร์ตซ์” จ่อซบเชลซี หลังคุย “แลมพาร์ด” เรียบร้อย

สื่อผู้ดีเผย แฟรงค์ แลมพาร์ด เปิดฉากพูดคุยกับ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ด้วยตัวเองแล้ว ซึ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขยับเข้าใกล้การปิดจ๊อบอีกก้าว 

ดิ แอธเลติก สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือได้ของประเทศอังกฤษ เปิดเผยข่าวดีให้แฟนสิงห์บลูชื่นใจ ด้วยการรายงานว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือหนุ่มชาวผู้ดี พูดคุยกับ ไค ฮาเวิร์ตซ์ กองกลางของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตัวนักเตะเองก็ให้การตอบรับที่ดีเยี่ยมและสนใจโปรเจกต์การสร้างทีมของเชลซีในฤดูกาลหน้า

สื่อเจ้าเดิมรายงานต่ออีกว่า เชลซี กำลังจะเบียดเอาชนะทีมดังอย่าง เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิก และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนื่องจากเป็นสโมสรเดียวที่พร้อมทุ่มเงินจ่ายค่าตัวของฮาเวิร์ตซ์ จำนวนสูงถึง 73 ล้านปอนด์ (ราว 2,937 ล้านบาท)

ทั้งนี้ มิดฟิลด์วัย 21 ปี ลงเล่นให้กับทัพห้างขายยาไปทั้งหมด 43 นัดรวมทุกรายการ ผลงานยิงได้ 17 ประตู 9 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมจบอันดับ 5 ของตารางบุนเดสลีกา แต่น่าเสียดายที่ชวดโควตาไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า หลังตามอันดับ 4 โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค เพียง 2 แต้ม ส่วนก่อนหน้านี้เชลซีคว้านักเตะรายใหม่มาร่วมทัพแล้ว 2 ราย นำโดย ฮาคิม ซีเย็ค จากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ค่าตัว 33.3 ล้านปอนด์ และ ติโม แวร์เนอร์ จากแอร์เบ ไลป์ซิก 47.5 ล้านปอนด์

เชลซี ยืดสัญญา อับราฮัม ยาวถึง 2023

แทมมี่ อับราฮัม

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ตอบแทนผลงานอันยอดเยี่ยมของ แทมมี่ อับราฮัม ดาวยิงมากความสามารถของทีม ด้วยการขยายสัญญาออกไปจนถึงปี 2023 เรียบร้อยแล้ว

แทมมี่ อับราฮัม ย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาอยู่กับ เชลซี ตั้งแต่ปี 2019 ด้วยสัญญา 3 ปี หรือจนถึงปี 2022 พร้อมรับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องอย่างน้อย 15 ประตู โดยในฤดูกาลนี้เจ้าตัวซัดไปแล้ว 16 ประตู จากการลงสนามทั้งสิ้น 40 นัดรวมทุกรายการ

ล่าสุด เชลซี จัดการขยายสัญญาให้กับ หัวหอกเลือดผู้ดีวัย 22 ปี ออกไปอีก 1 ปี หรือยาวจนถึงปี 2023 เรียบร้อยแล้ว เพื่อตอบแทนผลงานของดาวยิงรายนี้ พร้อมกับอัพค่าเหนื่อยให้อยู่ในระดับเดียวกับ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ รีซ เจมส์ ที่ประมาณ 100,000-120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์อีกด้วย

สำหรับ แทมมี่ อับราฮัม ถือเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญของ เชลซี ในชุดนี้เลยทีเดียว โดยทำผลงานไปแล้ว 16 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งสิ้น 40 นัดรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ โดยโปรแกรมนัดถัดไปพวกเขามีคิวบุกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกคืนวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2563

สิ้นสุดการรอคอย หงส์แดง ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2019-2020

ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ ลีก

ขอแสดงความยินดีแฟนบอลลิเวอร์พูล

แชมป์ที่เหล่าสาวกหงส์แดงรอคอยมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี ทำให้สโมสร ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 19 ได้สำเร็จหลังคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงแข่งขันเมื่อคืนนี้พลาดท่า เสียที บุกเยือนถิ่นสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี พ่าย 2-1 ทำให้ยกถ้วยพรีเมียร์ลีกให้ลิเวอร์พูลไปอย่างเป็นทางการ โดยคะแนนที่ห่างกันถึง 23 คะแนน แม้จะมีโปรแกรมที่ลงแข่งขันเหลืออีก 7 นัดก็ตาม

โปรแกรมแข่งขันนัดต่อไป

วันที่ 3 กรกฎาคม 2563

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (แชมป์เก่า) เวลา 02.15 น. ลิเวอร์พูล (แชมป์ใหม่)

WE’RE PREMIER LEAGUE CHAMPIONS!! 🏆

WE’RE PREMIER LEAGUE CHAMPIONS
https://twitter.com/LFC
อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก วันที่ 26 มิ.ย. 2563

ดิวิชั่น 1 : แชมป์ลีกสูงสุด ประเทศอังกฤษ

(เดิมลีกสุงสุดของอังกฤษมีชื่อว่า ดิวิชั่น 1 ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก ปี 1992 หรือ พ.ศ. 2535)

  • 1900–01
  • 1905–06
  • 1921–22
  • 1922–23
  • 1946–47
  • 1963–64
  • 1965–66
  • 1972–73
  • 1975–76
  • 1976–77
  • 1978–79
  • 1979–80
  • 1981–82
  • 1982–83
  • 1983–84
  • 1985–86
  • 1987–88
  • 1989–90

พรีเมียร์ลีก : แชมป์ลีกสูงสุด ประเทศอังกฤษ

(เดิมลีกสุงสุดของอังกฤษมีชื่อว่า ดิวิชั่น 1 ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก ปี 1992 หรือ พ.ศ. 2535)